7 พฤติกรรมที่มนุษย์ออฟฟิศต้องปรับตัวเมื่อทำงานบริษัทญี่ปุ่น

7 พฤติกรรมที่มนุษย์ออฟฟิศต้องปรับตัวเมื่อทำงานบริษัทญี่ปุ่น
เมื่อการทำงานบริษัทญี่ปุ่นที่มีความจริงจัง แข็งขัน มีแรงกดดัน ความเครียด และระเบียบวินัยสูง ในฐานะมนุษย์ออฟฟิศคุณก็ต้องรู้จักปรับพฤติกรรมของตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่บริษัทญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ทุกคนสามารถนำ 7 เรื่องนี้ไปปรับใช้กับตนเองได้ รับรองว่าชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงยังช่วยให้งานออกมาดีมีประสิทธิภาพด้วย

  1. เข้านอนเร็วขึ้น นอนให้ครบตามชั่วโมงที่เหมาะสม

เชื่อว่ายังมีมนุษย์ออฟฟิศหลายคนเข้านอนดึกถึงดึกมาก แถมยังต้องตื่นเช้าไปทำงาน อาจด้วยเหตุผลว่าเลิกงานมาแล้วขอมีเวลาส่วนตัว หรือบางคนต้องเลิกงานมืดใด ๆ ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงอยากให้ลองปรับการใช้ชีวิตโดยเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าเดิม และพยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง / วัน จะช่วยทำให้สุขภาพกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ขณะที่สุขภาพจิตเองก็ดีตามไปด้วยเช่นกัน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้นอนก่อน 5 ทุ่ม เพื่อร่างกายจะได้หลั่งฮอร์โมนออกมาซ่อมแซมอวัยวะต่าง ๆ แบบเต็มที่

  1. ปรับท่าทางการนั่งทำงาน ขยับตัวมากขึ้น

แม้การทำงานบริษัทญี่ปุ่นของหลายคนต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมตลอด แต่จริง ๆ แล้วคุณเองสามารถปรับพฤติกรรมท่านั่งของตนเองได้ เริ่มจากการนั่งหลังตรง ระดับสายตาอยู่ระนาบเดียวกับหน้าจอคอม ขยับตัวหรือลุกยืน เดิน เปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30 นาที เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม หรือจะเลือกใช้เก้าอี้เพื่อสุขภาพ โต๊ะเพื่อสุขภาพเข้ามาเสริม ปรับท่าทางการนั่งทำงานให้ดีขึ้นก็ช่วยได้เช่นกัน ไม่ต้องบ่นปวดหลังทุกเวลา

  1. ลดการจ้องหน้าจอมือถือแล้วทำกิจกรรมอื่นบ้าง

เข้าใจดีว่าคนยุคใหม่กับการใช้งานมือถือเป็นสิ่งที่ต้องอยู่คู่กันแทบตลอดเวลา แต่ถ้าคุณลองปรับตัวเองโดยลดช่วงเวลาในการมองหน้าจอมือถือลงแล้วไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง เช่น ออกกำลังกาย เล่นบอร์ดเกม เล่นกีฬา ฯลฯ นอกจากทำให้สุขภาพดี สมองได้คิดเรื่องต่าง ๆ มากขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องงานแล้ว สิ่งสำคัญคือจะช่วยลดการเสื่อมสภาพของจอประสาทตาให้ช้าลง เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพอย่างมาก อีกทั้งการไม่เสพติดแต่เรื่องเครียด ๆ บนมือถือ เช่น ข่าวสาร ซีรีย์ ยังมีผลดีต่อจิตใจอีกด้วย ซึ่งบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งก็มักมีมุมพักผ่อนให้พนักงานได้ทำกิจกรรม

  1. ลดภาระให้กับหัวไหล่ด้วยการไม่สะพายของหนักเกินไป

มนุษย์ออฟฟิศทั้งผู้ชายและผู้หญิงมักมีปัญหาที่คุณเองไม่รู้ตัวนั่นคือการสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากเกินไป นอกจากส่งผลเสียในด้านบุคลิกภาพแล้ว ยังมักทำให้คุณรู้สึกมีปัญหาเกี่ยวกับคอ บ่า ไหล่ กระทบการใช้ชีวิตมากขึ้นอีกต่างหาก มักรู้สึกเจ็บ ปวดเมื่อย บางคนอาจถึงขั้นกระดูกคอทรุดและเสื่อมสภาพเร็วกว่าวัยที่ควรเป็นอีกต่างหาก หรือผู้หญิงที่ชอบสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียวยังเสี่ยงต่อปัญหากระดูกสันหลังคดอีกด้วย ลองเอาของไม่จำเป็นออกหรือเปลี่ยนมาหิ้ว เปลี่ยนเป็นเป้สะพายหลังจะดีกว่า

  1. ปรับการทานอาหารให้เป็นเวลามากขึ้น ไม่ทานของจุกจิกตลอดวัน

นี่เป็นอีกเรื่องที่ชาวออฟฟิศมักทำกันบ่อยจนติดเป็นนิสัย ทั้งเรื่องของการทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา ไปจนถึงการทานของจุกจิก ขนม ลูกอม ของว่าง เครื่องดื่มชงแทบตลอดวัน ซึ่งปัญหาที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นเรื่องสุขภาพ น้ำหนักตัวมากเกินไป เกิดโรคอ้วนและอาจลุกลามไปยังโรคอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น ลองปรับตัวเองทานอาหารให้เป็นเวลา ทานให้อิ่มจบในมื้อ ไม่ทานของจุกจิกระหว่างวัน จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น อยู่บริษัทญี่ปุ่นและทำงานที่รักไปอีกนาน

  1. สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานเสมอ

เป็นเรื่องปกติของการทำงานบริษัทญี่ปุ่นที่มักทำงานกันเป็นทีม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้งานออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดี ราบรื่น ไม่ติดขัดปัญหา นั่นคือต้องอาศัยการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สำหรับคนที่มักบอกว่าตนเองเป็น Introvert เข้ากับคนยาก ชอบอยู่คนเดียว ก็ต้องเปิดใจยอมรับมากขึ้น เพราะการที่คุณทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ได้ นอกจากผลสำเร็จออกมาดังใจปรารถนาแล้ว ยังเป็นการลดความเครียด ความกดดันจากการทำงาน ไม่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพจิตอีกด้วย

  1. หาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

เป็นสิ่งที่มนุษย์ออฟฟิศหลายคนมักอ้างว่าทำงานบริษัทญี่ปุ่นยุ่งตลอดเวลา แทบไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นเลย แต่จริง ๆ แล้วแค่เริ่มต้นจากการเดินเร็วขึ้น การใช้บันไดแทนลิฟต์ เดินเข้าซอยบ้านแทนการนั่งรถรับจ้างก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง บวกกับการลองเข้ายิม ฟิตเนส ออกไปวิ่ง ชวนเพื่อนเล่นกีฬา จะช่วยให้สุขภาพดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญยังได้ปรับพฤติกรรมอื่น เช่น การติดหน้าจอ ลดปัญหาออฟฟิศซินโดรม ร่วมด้วย จะอยู่บริษัทญี่ปุ่นหรือองค์กรไหนก็ให้เวลาตัวเองสักวันละ 30 นาที เพื่อสิ่งนี้

นี่คือทั้ง 7 พฤติกรรมที่อยากให้มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายไม่ว่าคุณจะทำงานบริษัทญี่ปุ่น หรืออยู่องค์กรอื่นที่ไม่ใช่บริษัทญี่ปุ่นก็ตามลองนำไปปรับพฤติกรรม เปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีขึ้นทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ที่สำคัญงานยังออกมาดีอีกด้วย

 

Other Articles