content
เหตุผลที่การทำงานบริษัทญี่ปุ่นน่าสนใจกว่าการทำธุรกิจส่วนตัว
- ไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง ไม่สร้างหนี้สิน
สิ่งแรกที่ทำให้หลายคนเลือกทำงานบริษัทญี่ปุ่นมากกว่าการทำธุรกิจเพราะพวกเขาไม่ต้องวุ่นวายกับการหาเงินทุนมาเปิดบริษัท มาทำธุรกิจ ไม่ต้องกู้เงินจากธนาคาร จำนองที่ดิน หรือวิธีอื่น ๆ ซึ่งเป็นการสร้างหนี้สินมาใช้กับธุรกิจ เพราะนอกจากเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วต้องคิดเผื่ออนาคตหากธุรกิจไม่สำเร็จต้องปิดกิจการแต่หนี้สินต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
- รับผิดชอบเฉพาะการทำงานของตนเอง
เมื่อคุณเลือกงานที่บริษัทญี่ปุ่นความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการคน เงิน สินค้า และอื่น ๆ จะอยู่แค่หน้าที่ตามตำแหน่งของตนเองเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายเรื่องอื่นมากเกินไป แต่เมื่อมีธุรกิจส่วนตัวแล้วต้องบริหารจัดการทุกสิ่งต้องตกอยู่กับเจ้าของทั้งหมด หากเกิดข้อผิดพลาดใดขึ้นมานั่นหมายถึงความเสี่ยงที่พร้อมมีได้ตลอดเวลา ขณะที่ความเหนื่อยล้าเมื่อต้องรับผิดชอบและจัดการเองทุกอย่างก็สูงกว่าคนทำงานบริษัทแบบไม่ต้องสงสัย วันหยุดไม่มีอยู่จริง การพักผ่อนน้อย
- ความเสี่ยงทางสถานะด้านการเงินในชีวิตน้อยกว่า
ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงเรื่องของเงินทองหรือสถานะทางการเงินที่ต้องดูแล อย่างถ้าเป็นคนทำงานบริษัททั่วไปแล้วตกงาน คุณอาจต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยประมาณ 1-2 เดือน เพื่อสมัครงานบริษัทญี่ปุ่นหรือบริษัทต่าง ๆ ที่เปิดรับ ซึ่งระหว่างนั้นหากพอมีเงินออมอยู่บ้างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไหร่ แต่สำหรับคนทำธุรกิจทุกวินาทีคือความเสี่ยงด้านการเงินที่ต้องพบเจอได้ตลอดเวลา หากช่วงไหนขายไม่ดี ลูกค้าไม่เข้า ธุรกิจไม่เดิน ก็ต้องยอมควักเงินส่วนตัวของตนเองออกมาใช้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด
- ความเครียดการทำงานต่างกันชัดเจน
เข้าใจดีถึงความรับผิดชอบการทำงานซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี อีกทั้งคำว่างานมักมาพร้อมกับเรื่องเครียด ๆ ได้เสมอ ซึ่งคนที่ทำงานบริษัทญี่ปุ่นอาจรู้สึกเครียดกว่าปกติเล็กน้อยเนื่องจากตัวบริษัทมักมีความจริงจัง กดดัน ตามสไตล์ของคนญี่ปุ่น แต่มั่นใจได้เลยว่ายังไงก็น้อยกว่าการทำธุรกิจส่วนตัวหลายสิบเท่า เพราะคุณไม่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง มีหน้าที่แค่ภาระความรับผิดชอบของตนเองในการจัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องบริหารการเงิน บริหารความเสี่ยงซึ่งเป็นเรื่องน่าปวดหัวขั้นสุด
- ได้รับสวัสดิการชัดเจน
การอยู่กับบริษัทญี่ปุ่นพนักงานทุกคนจะได้รับสวัสดิการพื้นฐานตามกฎหมายกำหนด รวมถึงอาจมีสวัสดิการอื่นเพิ่มเติมที่น่าพึงพอใจ เช่น ค่าเดินทาง โบนัสประจำปี การไปดูงานต่างประเทศ การท่องเที่ยวประจำปี ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม ประกันสุขภาพกลุ่ม ฯลฯ แต่เมื่อคุณทำธุรกิจสิ่งแตกต่างชัดเจนคือหากอยากได้สวัสดิการใด ๆ ก็ต้องจ่ายเงินของตนเองทั้งหมด หรือจ่ายเงินของบริษัท (เปรียบกับเงินเจ้าของ) เพื่อแลกกับสิ่งเหล่านั้นให้กับตนเอง
- หยุดงานก็ยังมีเงินใช้ มีรายได้
หากคุณสมัครงานบริษัทญี่ปุ่นและได้เข้าทำงานเรียบร้อย แม้อยู่ในช่วงทดลองงานก็ยังมีวันลาให้ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่โดนหักเงิน ยิ่งถ้าผ่านการประเมินทดลองงานเรียบร้อยแล้วสามารถลาหยุดตามความเหมาะสมได้โดยยังคงมีรายได้เหมือนเดิม ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสถานะทางการเงิน แต่ถ้าคนทำธุรกิจโดยเฉพาะคนที่ต้องดูแลเองแทบทั้งหมด หากวันไหนหยุดงานนั่นหมายถึงรายได้ของคุณก็หายไปด้วย
- ย้ายงานใหม่ได้ตลอด สร้าง Passion ใหม่ได้เสมอ
การทำงานบริษัทญี่ปุ่นหากคุณรู้สึกเบื่อกับงานแบบเดิม ๆ หรืออยากย้ายสายงานไปทำอย่างอื่นก็สามารถลาออกแล้วไปสมัครงานบริษัทญี่ปุ่นแห่งใหม่ได้ตลอด บอกลาความซ้ำซาก ความ Toxic ต่าง ๆ ที่อาจกำลังเกิดขึ้นกับที่ทำงานเดิม พร้อมสร้าง Passion ใหม่ให้ตนเองอยู่เสมอ แต่ถ้าเลือกทำธุรกิจแล้วอยู่ดี ๆ จะปิดกิจการแล้วไปทำอย่างอื่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องทนกับการเจอเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ไปตลอดชีวิต
- มีโอกาสสร้างรายได้หลายช่องทาง
แม้เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่นก็สร้างช่องทางเสริมรายได้ให้กับตนเองแบบง่าย ๆ ด้วยการรับงานพิเศษอื่นตามทักษะที่ตนเองมี เช่น การทำกราฟิก การวาดรูป การขายตรง ขายประกัน ถ่ายรูป ฯลฯ ซึ่งไม่กระทบต่อการทำงานประจำใด ๆ ทั้งสิ้น เสริมเงินทองในกระเป๋าแบบไม่ต้องลงทุนอะไรมากด้วยซ้ำ นี่เป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจแล้วอาจต้องสละเพราะทุกอย่างมุ่งเน้นไปยังธุรกิจของตนเองมากที่สุด
เมื่อลองเทียบประเมินแล้วจะเห็นว่าการทำงานบริษัทญี่ปุ่นเองก็มีข้อดีหลายด้าน จึงไม่จำเป็นต้องวางแผนอนาคตด้วยการเปิดธุรกิจส่วนตัวเสมอไป สามารถเลือกสมัครงานบริษัทญี่ปุ่น เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่นก็มีรายได้แบบไม่ต้องเสี่ยง แถมยังได้ใช้ชีวิตไปกับการพักผ่อน อย่างไรก็ตามหากใครมีเป้าหมายทำธุรกิจอยู่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการขาดทุน ไม่เป็นไปตามเป้าหมายและเกิดหนี้สินตามมาอีกมากมาย