content
เตรียมผ่านพ้นไปอีก 1 ปี สำหรับการใช้ชีวิตของทุกคน นอกจากเทศกาลปีใหม่ที่รอเฉลิมฉลองแล้วก็ต้องวางแผนทำงานของตนเองในปีถัดไปด้วย ดังนั้นหากคุณเป็นชาวออฟฟิศไม่ว่าตำแหน่งไหน อาชีพใด ประเภทธุรกิจอะไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ต้องอัปเดตเทรนด์การทำงาน 2025 มีประเด็นไหนน่าสนใจเพื่อการปรับตัวอย่างเหมาะสม หรือวางแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพบ้าง มาเช็กลิสต์กันได้เลย
อัปเดตเทรนด์การทำงาน 2025 ชาวออฟฟิศต้องปรับตัวอะไรบ้าง
- Hybrid Working ยังคงได้รับความนิยม
นับตั้งแต่หมดยุคโควิด-19 รูปแบบการทำงานของชาวออฟฟิศก็เปลี่ยนไป เริ่มจากการทำงานแบบ Work From Home กระทั่งปรับสู่วิธีที่เรียกว่า Hybrid Working หรือการทำงานแบบไฮบริด หมายถึง การเข้าออฟฟิศผสานกับการทำงานนอกสถานที่ ซึ่งในปี 2025 เทรนด์นี้ก็จะยังคงอยู่และไม่หนีหายไปไหนอย่างแน่นอน เหตุเพราะนอกจากออฟฟิศต่าง ๆ สามารถปรับตัวได้ดีแล้ว ยังมีประโยชน์ทั้งกับองค์กรและตัวพนักงาน เรียกว่าเป็นจุดตรงกลางที่ทั้ง 2 ฝ่าย พบเจอกันอย่างลงตัว
- Reskilling และ Upskilling ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ยิ่งโลกพัฒนาไปไกลมากเท่าไหร่ องค์กรย่อมคาดหวังทักษะระดับสูงจากพนักงานอยู่เสมอ เสมือนการจ้างงานแล้วได้คนที่มีความครบครันทุกด้าน ไม่ต้องเสียเงินจ้างหลายคนให้สิ้นเปลือง ด้วยเหตุนี้การ Reskilling และ Upskilling จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำและถือเป็นเทรนด์การทำงาน 2025 คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมสำหรับงานที่ตนเองทำอยู่แล้ว รวมถึงพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้ครอบคลุม อาจเน้นเรื่องที่เกี่ยวกับงานเดิมโดยตรง หรือสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนก็ได้เช่นกัน
- New-Collar Worker ในการสรรหาพนักงาน
หลายองค์กรเริ่มปรับตัวในเรื่องการรับสมัครพนักงานกันมากขึ้น จากเดิมที่อาจเน้นเรื่องของวุฒิการศึกษา และสถาบันที่จบการศึกษามาก่อนเสมอ แต่เมื่อยุคใหม่นี้การหาความรู้เป็นเรื่องง่าย บวกกับคนจำนวนมากมีทักษะเพิ่มขึ้นจากการได้ลองทำ การศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ต HR และฝ่ายบริหารด้านบุคคลจึงมักวางแผนการทำงานด้วยวิธีเลือกพนักงานจากทักษะที่พวกเขามีมากกว่าวุฒิการศึกษาหรือสถาบันที่เรียนจบ ด้วยเหตุนี้การพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การสมัครงานหรือหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก
- Call-in-sick Generation การใส่ใจสุขภาพจิตมากขึ้น
เทรนด์การทำงาน 2025 ที่คาดว่าบริษัทจำนวนมากอาจต้องปรับตัวร่วมกับพนักงานนั่นคือ เมื่อพนักงานใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้นซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่สุขภาพกายแต่ยังเป็นสุขภาพจิต ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามหากพนักงานรู้สึกเครียด เป็นกังวล หรือคิดมากเกินไป การลาจะเป็นเรื่องที่พวกเขากระทำเป็นปกติ เหตุเพราะคนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เสมอ และไม่อยากให้ตนเองต้องเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตามในฐานะของพนักงานก็ควรมีเหตุผลมากพอในการลาด้วย
- AI มีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม
เทคโนโลยี AI ยังคงเป็นสิ่งที่ชาวออฟฟิศทุกคนต้องให้ความสำคัญ พยายามปรับตัว เรียนรู้ไปพร้อมกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบดังกล่าว เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่เข้ามาทดแทนการทำงานในหลายด้าน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เช่น การทำงานกับระบบเครื่องจักรที่มีความทันสมัยมากขึ้น การนำระบบใหม่เข้ามาใช้กับการทำงานต่าง ๆ เช่น โปรแกรมเงินเดือน โปรแกรมบัญชี ฯลฯ นั่นบ่งบอกว่าปี 2025 AI จะยังเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องแน่นอน
- Task Waiting ทำงานตามจังหวะที่ถูกต้อง
ไม่มีใครอยากเหนื่อยกับการทำงานมากเกินไป นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนยุคใหม่มักวางแผนการทำงานของตนเองมากขึ้น สิ่งไหนที่ประเมินแล้วว่าหากรีบทำจะเหนื่อยเกินไปพวกเขามักเบรกตัวเองไว้ก่อน จากนั้นรอจังหวะหรือเวลาที่เหมาะสมแล้วเดินหน้าลุยงานให้สำเร็จลุล่วง บางคนอาจมองว่าวิธีนี้ดูเหมือนคนขี้เกียจ แต่ถ้าคิดอีกด้านนี่เป็นวิธีประหยัดสมอง เซฟพลังงานร่างกาย สามารถใช้ชีวิตได้มากขึ้นโดยไม่ต้องหมกมุ่นกับการทำงานทั้งวันเหมือนเมื่อก่อน
- Naked Quitting ลาออกกันแบบไม่ทันตั้งตัว
จริง ๆ แล้วไม่ได้สนับสนุนให้ชาวออฟฟิศทุกคนตัดสินใจลาออกจากงานของตนเอง แต่นี่คือเทรนด์การทำงาน 2025 ที่คาดว่าจะมาแรงไม่แพ้กัน เหตุเพราะผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเหมือนที่ระบุเอาไว้ก่อนหน้า ดังนั้นหากพวกเขารู้สึกถึงความไม่พึงพอใจ ไม่มีความสุขในการทำงาน บรรยากาศแวดล้อมโดยรอบมีแต่เรื่อง Toxic ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทนอยู่ และตัดสินใจลาออกกันง่าย ๆ บางคนไม่ต้องการรอให้ครบ 1 เดือน เพื่อรับสิทธิประโยชน์ใด ๆ ของตนเองเลยด้วยซ้ำ
- Soft Skills อยู่เหนือกว่า Hard Skills
อีกเรื่องที่ควรรู้โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้า ผู้จัดการ หรือฝ่ายบริหารก็ตาม การมี Soft Skills ทักษะด้านการควบคุมอารมณ์ การเห็นใจและให้ความสำคัญกับพนักงานแบบทั่วถึงมักอยู่เหนือกว่าการมี Hard Skills หลายเท่า เพราะแม้ต่อให้คุณเก่งแค่ไหน วางแผนการทำงานดีเพียงใด แต่ถ้าขาดปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างก็ย่อมไม่มีใครสนใจ ไม่เห็นค่า มองเป็นธาตุอากาศ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างที่ควร ผลลัพธ์ไม่น่าพึงพอใจ
ทั้งหมดนี้คือเทรนด์การทำงาน 2025 ที่นำมาอัปเดตให้ชาวออฟฟิศได้เตรียมตัวกันเอาไว้เมื่อต้องเข้าสู่ศักราชใหม่ ลองวางแผนการทำงานให้พร้อม มีเป้าหมายชัดเจน เพื่อสร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจให้เดินหน้าทำจนสำเร็จลุล่วง เพิ่มโอกาสเติบโตในสายงาน หรืออย่างน้อยที่สุดมีรายได้เพิ่มก็เป็นสิ่งที่สร้างความสุขในชีวิตได้ไม่แพ้กัน