content
เป็นเรื่องปกติของการทำงานที่ต้องพบเจอกับความน่าปวดหัว ความเครียด แรงกดดัน และอีกสารพัดสิ่งจนบ่อยครั้งชาวออฟฟิศมักรู้สึกขาดความสุขต่อการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตามหากคุณทำงานบริษัทญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทญี่ปุ่นประเภทใดก็ตาม นี่คือ 8 แนวคิดที่อยากให้ทุกคนยึดไว้เป็นที่ตั้งเพื่อสร้างความสุขในทุกวันให้กับตนเอง เหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นปัจจัยที่จะลดโอกาสเสี่ยงจากการเจ็บป่วยอีกด้วย
เช็กลิสต์ 8 แนวคิดแห่งความความสุขเมื่อทำงานบริษัทญี่ปุ่น
- รู้เป้าหมายแต่ละสเต็ปของตนเองให้ชัดเจน
การทำงานบริษัทญี่ปุ่นควรต้องมีเป้าหมายในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน เริ่มจากเป้าหมายใหญ่ เช่น ภายในกี่ปีจะขึ้นตำแหน่งหัวหน้า ภายในปีกี่จะมีเงินเดือนเทียบเท่ากับที่เคยวาดฝันเอาไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ ไล่ระดับเป้าหมายเพื่อให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น เป้าหมายรายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน การจุดประสงค์ที่ชัดเจนแบบนี้จะทำให้การทำงานของคุณไม่รู้สึกน่าเบื่อ ขณะที่การวางทีละสเต็ปก็ไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อมากเกินไปด้วย
- อดทนในสิ่งที่รับไหว
เข้าใจดีว่าชาวออฟฟิศและการทำงานทุกประเภทต้องอาศัยความอดทน แต่ทุกคนย่อมมีขีดจำกัดของตนเอง และถ้าบางครั้งไม่สามารถอดทนในสิ่งเหล่านั้นต่อไปได้ก็แค่ต้องหาวิธีใหม่เพื่อรับมือ เช่น การบอกกล่าวไปตรง ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น การขอพูดคุยกับคนที่รับผิดชอบส่วนที่เกิดปัญหาโดยตรง การคุยกับ HR เพื่อย้ายสาขา ย้ายฝ่าย ย้ายแผนก เป็นต้น คนเราไม่จำเป็นต้องอดทนกับเรื่องไร้สาระแต่สามารถแสดงในสิ่งที่ตนเองต้องการออกมาได้เช่นกัน
- ใส่ใจคนรอบข้างให้มากขึ้น
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของบริษัทญี่ปุ่นคือการทำงานเป็นทีม แต่ไม่ได้หมายถึงคนนิสัย Introvert จะไม่สามารถทำงานได้นะ แค่คุณต้องเพิ่มเติมความใส่ใจกับคนรอบข้างมากขึ้นแม้เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ถามไถ่ ทักทายเมื่อเจอหน้า มีปัญหาเรื่องงานก็ขอคำปรึกษาไม่ต้องเก็บงำไว้คนเดียว หรือถ้ามีใครชวนไปปาร์ตี้สังสรรค์แม้ไม่ชอบแต่เพื่อการเข้าสังคมและอนาคตของหน้าที่การงานบางครั้งก็ต้องยอมอ่อนน้อมตามแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อใส่ใจกับรนรอบข้างแล้วความสำเร็จจะมีโอกาสมากกว่าเดิม
- เข้าใจความต้องการของตนเอง
ในฐานะของชาวออฟฟิศหรือคนทำงานต้องรู้ความต้องการของตนเองว่ามีสิ่งใดที่ปรารถนาเมื่อทำงาน น้อยคนมากที่จะบอกว่าชอบการทำงาน แต่มันต้องทำเพื่อแลกกับการยังชีพและการใช้ชีวิต แต่ในอีกมุมหนึ่งหากคุณรู้ความต้องการของตนเองชัดเจน เช่น เงินเดือนที่จะได้รับส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ไปเที่ยวต่างประเทศ จะช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้มีแรงผลักดันอยากทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มศักยภาพมากกว่าเดิม จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ลองหาสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ต้องการเพื่อทำงานกันเลย
- รักในการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ
บริษัทญี่ปุ่นชื่นชอบคนที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่งกับที่ เพราะนั่นบ่งบอกถึงความตั้งใจที่พนักงานมีให้องค์กรและสามารถต่อยอดให้บริษัทเติบโตได้จริง อีกมุมหนึ่งก็เป็นข้อดีของตัวพนักงานเองด้วย เพราะคุณมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนจากบริษัทที่กำลังทำงานอยู่ ดังนั้นอย่าหยุดที่จะเป็นคนใฝ่รู้ และจงค้นหาคำตอบเรื่องที่ตนเองไม่เคยรู้อยู่เสมอ มองให้เป็นความท้าทายของชีวิตแล้วจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
- เตรียมตนเองล่วงหน้าเสมอ
การเตรียมตัวให้ดีไม่ว่าทำงานเรื่องไหนก็ตามย่อมมีส่วนทำให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ การทำงานบริษัทญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน ควรมีการเตรียมความพร้อมของตนเองล่วงหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าพอถึงเวลาต้องทำจริงแล้วจะเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด เช่น การประชุม การพบปะลูกค้า สิ่งนี้ยังสร้างภาพลักษณ์ให้คุณดูมีความเป็นมืออาชีพ น่าเชื่อถือ และถูกมองในเชิงบวกจากคนรอบข้างอีกด้วย
- อย่าค้นหาคำว่าดีที่สุด
ในการทำงานบริษัทญี่ปุ่นและทำงานทุกประเภทอย่าค้นหาว่าสิ่งไหนคือสิ่งดีที่สุด เพราะความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน อีกทั้งเวลารู้สึกถึงความสำเร็จก็มักชอบกดดันตนเองให้พัฒนามากขึ้นจนบ่อยครั้งล้นขีดจำกัดจริงที่ตนเองมีย่อมทำให้เสียกำลังใจ จากที่ควรได้ความสุขกับการเป็นชาวออฟฟิศกลับต้องเครียด กดดัน เพื่อต้องการทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่หยุด
- ดึงความรู้สึกที่ได้ทำงานวันแรกให้ออกมาอยู่เสมอ
ท้ายที่สุดในการอยู่บริษัทญี่ปุ่นให้มีความสุขต้องดึงความรู้สึกของวันแรกที่เริ่มทำงานออกมา จำสัมผัสนั้นให้ดี แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้นถึงเนื้อหาของงานแม้มีความหนักหน่วง เครียด กดดันมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะเดินหน้าค้นหาความสำเร็จ หากยังจำภาพวันแรกที่กำลังหางานแล้วองค์กรให้โอกาสนี่คือความสุขเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นในใจและยังผลักดันให้คุณทำงานอย่างมีศักยภาพอีกด้วย
การทำงานบริษัทญี่ปุ่นให้มีความสุขต้องเริ่มจากจิตใจของตนเอง มีสมาธิ รู้ว่ากำลังทำสิ่งไหน มีจุดประสงค์อย่างไร ท้ายที่สุดต้องปล่อยวางและไม่คิดคาดเค้นใด ๆ กับบางเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัว เพราะนั่นอาจทำให้คุณขาดความสุขในการเป็นชาวออฟฟิศ แถมยังรู้สึกกดดันในบริษัทญี่ปุ่นมากเกินไป ผลร้ายย่อมตกอยู่กับตัวเองแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้