content
การมีสุขภาพจิตที่ดีคือจุดเริ่มต้นของความสุข
แม้แต่ละคนจะมีลักษณะนิสัย ความคุ้นชิน หรือสภาพแวดล้อมแตกต่างกันออกไป แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตามการมีสุขภาพจิตที่ดีย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขแบบไม่ต้องสงสัย ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ความสนุก ความพึงพอใจ และมีไฟกับการทำสิ่งต่าง ๆ ยิ่งถ้าเรื่องการทำงานด้วยแล้วเพียงแค่คุณมองโลกในแง่บวกก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นดูแลสุขภาพจิตแล้ว
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าปัจจุบันการทำงานมักมีหลากปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง จนส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวบุคคล เมื่อบวกกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วการทดสอบสุขภาพจิตเบื้องต้นเพื่อประเมินสุขภาพจิตในยุคดิจิทัลควบคู่กับการทำงานจึงถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ย้ำว่านี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคุณอีกต่อไป การสร้างความผ่อนคลายทางจิตใจนอกจากช่วยให้มีความสุขมากขึ้นยังลดโอกาสเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย เพราะเมื่อใจเป็นสุข ร่างกายย่อมสุขตาม
สร้างสุขภาพจิตที่ดีในการทำงานได้เริ่มต้นจากสิ่งเหล่านี้
เข้าใจดีว่าในแต่ละวันคุณอาจต้องเจอกับเรื่องราวน่าปวดหัวจนเกิดความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย เช่น ภาวะหมดไฟ ความเครียด แรงกดดัน ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบหนักเกินไป ฯลฯ แต่การสร้างสุขภาพจิตที่ดีในที่ทำงานสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากหลักการเบื้องต้นเหล่านี้
- คิดบวกกับสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ
แม้ต้องเจอกับปัญหามากมายแต่เชื่อเถอะว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นยังมีเรื่องดี ๆ แอบซ่อนอยู่เสมอ เช่น คุณกำลังเครียดกับโปรเจกต์ใหญ่ที่เกรงว่างานจะเสร็จไม่ทันตามกำหนด แต่ถ้าลองคิดอีกมุมนั่นคือวิธีพิสูจน์ตนเองเพื่อจะหาข้อแก้ไขหรือหาหนทางที่ต้องทำให้ผลลัพธ์ออกมาสำเร็จดังคาดหวัง เสมือนช่วยฝึกทักษะ สมองได้เรียนรู้วิธีแก้ผ่านความคิดที่แตกต่าง และยังบ่งบอกถึงการมีความเป็นผู้นำในตัวได้อย่างดีอีกด้วย
- ทดสอบสุขภาพจิตอย่างสม่ำเสมอ
ต้องขอบอกก่อนสักเล็กน้อย นี่ไม่ใช่เช็กว่าตัวเองเป็นโรคอะไรหรือไม่ แต่มันคือการดูแลตนเองวิธีหนึ่งคล้ายกับการตรวจสุขภาพประจำปี แต่คุณอาจเลือกใช้กับช่วงเวลาที่ตนเองรู้สึกเครียดมาก ๆ เพื่อค้นหาทางออกพร้อมวิธีแก้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด ปัจจุบันการทดสอบสุขภาพจิตสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ หากรู้ว่าช่วงดังกล่าวตนเองรู้สึกไร้ความสุขก็ลองทำเพื่อค้นหาแนวทางแก้กันเลย
- ลดการเสพสื่อโซเชี่ยลลงบ้าง
ส่วนหนึ่งที่มักสร้างปัญหาสุขภาพจิตให้กับคนวัยทำงานนั่นคือการเสพสื่อโซเชี่ยลมากเกินไปซึ่งมีผลต่อสุขภาพจิตในยุคดิจิทัลแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งเครียดเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องตนเองด้วยซ้ำ หากคุณรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญสถานการณ์แบบนี้อยู่ ลองลดการเสพสื่อออนไลน์ผ่านโซเชี่ยลมีเดียวแล้วพักผ่อนด้วยวิธีอื่นแทนก็จัดว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก เช่น ออกกำลังกาย ออกไปท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นบอร์ดเกม เล่นเกม ทำอาหาร ฯลฯ เมื่อสมองไม่ต้องรับรู้กับความกดดันมากไปย่อมสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ง่ายขึ้น
- ปรึกษากับผู้อื่นที่ไว้ใจได้
ทุกการทำงานย่อมเกิดปัญหาตามมาได้เสมอเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุณเริ่มรู้สึกเครียด กังวลใจ ลองนำเรื่องเหล่านี้ไปปรึกษากับคนสนิทที่ไว้ใจได้ก็เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจมากทีเดียว เหตุเพราะการเก็บความเครียดไว้เพียงตัวคนเดียวมักทำให้สมองคุณคิดวนเวียนซ้ำซากอยู่แค่เรื่องเดิม ไม่ยอมหลุดไปคิดด้านอื่นจนเกิดความเครียดสะสม ลองนำเรื่องเหล่านี้ไปคุยให้กับใครสักคนรับฟัง เผื่อเขาจะหาวิธีแก้ให้กับคุณได้
- การขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เก่งกว่า
การลดความยึดมั่นถือมั่นแล้วขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นดูบ้างย่อมช่วยลดความเครียด สร้างความผ่อนคลายเสมือนเป็นน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมเติมเต็มสิ่งใหม่ได้เสมอ อย่าไปคิดว่านี่คือเรื่องเสียหน้าเพราะไม่มีใครเก่งหมดทุกอย่าง แต่คุณสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่เครียด ต้องการแก้ปัญหาขณะทำงาน การได้คำตอบหรือวิธีทำที่ถูกต้องมักเกิดความรู้สึกดี มีกำลังใจ มีพลังสำหรับทำสิ่งต่อไปในอนาคตของตนเอง
ย้ำว่าการมีสุขภาพจิตที่ดีย่อมช่วยให้การทำงานเกิดความสุข สามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้แบบไม่ต้องคิดมากเกินไป จุดนี้อาจเริ่มต้นจากการทดสอบสุขภาพจิตหากคุณรู้สึกว่าตอนนี้กำลังเครียดมากกว่าปกติ ไปจนถึงนอนไม่หลับ คิดมาก เมื่อรู้สาเหตุก็เลือกวิธีแก้ให้เหมาะสมมากที่สุด อีกทั้งการลดเสพสื่อโซเชี่ยลลงบ้างมีผลโดยตรงต่อสุขภาพจิตในยุคดิจิทัลแบบไม่ต้องสงสัย แม้อยู่ในวัยทำงานก็ไม่ได้หมายถึงต้องมีแต่เรื่องเครียดเสมอไป คนเราสามารถหาเวลาพักผ่อนพร้อมทบทวนอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเชื่อว่านี่แหละเป็นอีกแนวคิดชั้นยอดที่จะสร้างชีวิตแห่งความสุขได้ไม่ยาก