เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไวรัส COVID-19

สาระน่ารู้เกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ๋ใหม่ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญในปัจจุบัน

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิค-19 มาจากไหน

ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โควิด-19” (COVID-19)

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโรค Covid-19 (โควิด-19) เป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน เป็นโรคระบาดร้ายแรงในคนที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ที่มาของไวรัสนี้คาดว่ามาจากสัตว์ที่มีการติดเชื้อไวรัสนี้แล้วระบาดมาสู่คน โดยเริ่มระบาดครั้งแรกเมื่อเดือนธันวานคม 2019 ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยมีข้อสงสัยว่ามาจากตลาดที่ค้าขายสัตว์ทะเล และสัตว์หายากเหล่านี้ ละเมื่อวันที่ 11 มี.ค. องค์การอนามัยโลกก็ประกาศให้เป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก

การแพร่เชื้อของไวรัส

โดยหลักแล้ว การแพร่จากคนสู่คนจะผ่านทางฝอยละอองเป็นหลัก เมื่อผู้ติดเชื้อขับฝอยละอองจากจมูกหรือปาก เช่น ไอหรือจาม แล้วเราสามารถรับเชื้อได้จากการหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป หรือจากการเอามือไปจับพื้นผิวที่มีฝอยละอองเหล่านั้ นแล้วมาจับตามใบหน้า จมูก ปากหรือตา

เชื้อไวรัสโควิด 19 สามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวต่างๆได้นานแค่ไหน

สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรรู้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาบนพื้นผิวต่างๆคือ สามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับงานบ้านทั่วไป งานศึกษาวิจัยระบุว่าเชื้อนี้อาจมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวสเตนเลสและพลาสติกถึง 72 ชั่วโมง น้อยกว่า 4 ชั่วโมงบนทองแดง และน้อยกว่า 24 ชั่วโมงบนกล่องกระดาษแข็ง ดังนั้นเราควรทำความสะอาดมือด้วยการใช้เจลแอลกอฮอล์หรือล้างมือด้วยน้ำและสบู่ เลี่ยงการสัมผัสตา ปากและจมูก

อาการเมื่อติดเชื้อโควิด-19

งระยะเวลานับตั้งแต่ได้รับเชื้อมา จะเริ่มแสดงอาการภายใน 2-14 วัน โควิด-19 ส่งผลต่อผู้คนในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และหายจากโรคได้เองโดยไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล โดยข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก ระบุว่าอาการโควิด-19 ที่สังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองมี 5 อาการหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้

  • มีไข้
  • เจ็บคอ
  • ไอแห้ง ๆ
  • น้ำมูกไหล
  • หายใจเหนื่อยหอบ

 

บางรายมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ โดย ทางด้านแพทย์อาจจะตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเอกซ์เรย์ปอด แล้วพบว่าปอดบวมอักเสบร่วมด้วย หากมีอาการหนักมาก ๆ (พบว่าติดเชื้อในระยะหลัง ๆ แล้ว) อาจอันตรายถึงอวัยวะภายในต่าง ๆ ล้มเหลว

กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

  • เด็กเล็ก (แต่อาจไม่พบอาการรุนแรงเท่าผู้สูงอายุ)
  • ผู้สูงอายุ
  • คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง
  • คนที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือกินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่
  • คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก (คนอ้วนมาก)
  • ผู้ที่เดินทางไปในประเทศเสี่ยงติดเชื้อ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อิตาลี อิหร่าน ฯลฯ
  • ผู้ที่ต้องทำงาน หรือรักษาผู้ป่วย ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 อย่างใกล้ชิด
  • ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องพบปะชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น คนขับแท็กซี่ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ลูกเรือสายการบินต่าง ๆ เป็นต้น

วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง
  • สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
  • ระมัดระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งที่มีคนจับบ่อยครั้ง
  • ล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% (ไม่ผสมน้ำ)
  • งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
  • หากมีไข้ ไอ และหายใจลำบากโปรดไปพบแพทย์

สถานการณ์การแพร่ระบาด

ปัจจุบันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงในระดับโลกและระดับท้องถิ่น รวมถึงส่งผลกระทบทางสุขภาพ ปัจจุบันหลายประเทศอย่างสหรัฐฯ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายชาติในยุโรป ก็เผชิญการแพร่ระบาดในระลอก 2 ที่รุนแรงยิ่งกว่าระลอกแรกในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ขณะเดียวกันประเทศในเอเชียก็ยังต้องพยายามอย่างหนักหน่วงต่อไปในการควบคุมโรคนี้ ที่ยังไม่หายไปไหน

 

วัคซีนต้านโควิด-19

ท่ามกลางการระบาดอย่างรุนแรงของ โควิด-19 แต่สิ่งที่แต่ละประเทศพอทำได้ในขณะนี้คือการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ที่เข้มงวด เพื่อรับมือและชะลอการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเท่านั้น ขณะที่หลายหน่วยงานและบริษัทผู้ผลิตยาและวัคซีนทั่วโลกกำลังเร่งพํฒนาวัคซีน ที่เชื่อว่าเป็นหนทางเดียวในการรักษาโรคนี้ได้

ในระหว่างที่การค้นคว้าและพัฒนายากำลังดำเนินไป วิธีที่เราจะป้องกันตนเองจากการเจ็บป่วยได้ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายผ่านคนสู่คนได้ ล้างมือหรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าหรือปากหลังจากการสัมผัสสิ่งที่อาจมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอยู่ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน

ที่มา: 

กรมควบคุมโลก

https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia 

องค์การอนามัยโลก

https://www.who.int/docs/default-source/searo/thailand/update-28-covid-19-what-we-know—june2020—thai.pdf?sfvrsn=724d2ce3_0 

Other Articles