content
การทำงาน Work From Home นาน ๆ จะทำให้พนักงานหมดไฟ
ภาวะหมดไฟ คือ ภาวะที่ความรู้สึกนึกคิดหมดอารมณ์ ไม่มีกำลังใจ หรือแรงบันดาลใจใด ๆ ในการทำสิ่งที่ตนเองต้องปฏิบัติต่อโดยเฉพาะการทำงาน ซึ่งมีผลสำรวจจาก Monster ระบุว่า พนักงานถึง 61% ที่ Work From Home มักเจอกับสภาวะดังกล่าวจนไม่อยากทำงานอีก สาเหตุก็มาจากเมื่อทำงานที่บ้านแล้วรับภาระหน้าที่หนักมาเกินไป ไม่มีเวลาเข้า-ออกงานตามปกติ เหมือนตนเองต้องคอยรับคำสั่งและทำงานตลอดหากคนอื่นยังไม่เลิกงาน เท่ากับไม่ได้มีเวลาว่างเป็นของตนเองอย่างแท้จริง
มากไปกว่านั้นยังมีสถิติพนักงาน 80% เมื่อทำงานที่บ้านแล้วไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ส่งผลเสียต่อผลลัพธ์ตัวงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่อีก 68% อยากกลับเข้าไปออฟฟิศเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของงานที่ตนเองกำลังทำอยู่
แม้ในมุมการทำงานบริษัทญี่ปุ่นคนทั่วไปอาจคิดว่าเมื่อคุณไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง สามารถตื่นสายได้มากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเป็นปีจากเดิมที่เคยรู้สึกว่าตนเองมีความสุขกับการทำงานแบบนี้จะเริ่มเบื่อหน่าย เป็นความซ้ำซากจำเจ และยังต้องใช้เวลาทำงานนานกว่าปกติ ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีภาวะหมดไฟเกิดขึ้น บริษัทญี่ปุ่นจึงอยากสร้างแรงกระตุ้นกับพนักงานมากกว่าเดิมเลยตัดสินใจให้พวกเขาเหล่านี้กลับเข้าออฟฟิศอีกครั้ง
บริษัทญี่ปุ่นสามารถบริหารจัดการบุคลากรได้ง่ายขึ้น
เป็นอีกข้อที่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าการกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศจะช่วยให้หัวหน้า ผู้จัดการ และผู้บริหารสามารถจัดการกับบุคลากรได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม รู้ว่าพนักงานแต่ละคนมีคุณลักษณะแบบไหน ทำงานอย่างไร มีสไตล์ที่แมตช์กับวัฒนธรรมองค์กรมากน้อยเพียงใด มากไปกว่านั้นเมื่อไม่ได้ทำการ Work From Home แล้ว หัวหน้างานยังสามารถดูแลพนักงานทุกคนได้อย่างทั่วถึง สังเกตเห็นพฤติกรรมและความผิดปกติที่เกิดขึ้น ลดความเครียด ความกดดันที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
อีกเรื่องคือการทำงานบริษัทญี่ปุ่นบางอย่างไม่สามารถทำเองที่บ้านได้ เช่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม งานที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีจากเครื่องจักร หรือแม้แต่งานที่ต้องลงพื้นที่กันเป็นทีมและกลับเข้ามาพูดคุยเพื่อหารือต่อยอดสู่ผลลัพธ์ที่คาดหวัง หากได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในออฟฟิศย่อมเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อบริษัทญี่ปุ่นมากกว่าแบบไม่ต้องสงสัย
ทำงานบริษัทญี่ปุ่นในออฟฟิศสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
จากสถิติที่บอกไปก่อนหน้าว่าพนักงานที่ Work From Home มักไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าสร้างปัญหาต่อองค์กรมากพอควร บางเรื่องควรได้คำตอบหรือไอเดียจากการระดมสมองของหลาย ๆ คนมากกว่าการนั่งคิดคนเดียว การให้พนักงานกลับมาทำงานบริษัทญี่ปุ่นในออฟฟิศดังเดิมจึงช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตัวพนักงานได้เยอะมาก
ตรงนี้นับเป็นผลลัพธ์ทางตรงที่บริษัทญี่ปุ่นได้รับ เนื่องจากเมื่อทุกคนเข้าใจสไตล์การทำงาน สามารถปรับตัวให้อยู่ร่วมกันโดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเวลามีปัญหาใด ๆ ยังช่วยเหลือแก้ไขไม่สร้างผลเสียต่อบริษัท นี่จึงเป็นอีกคำตอบที่หลายออฟฟิศตัดสินใจเรียกพนักงานกลับมาทำงานเหมือนเดิม
ทำงานแบบ Hybrid ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
แม้บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากอยากให้พนักงานกลับเข้ามาออฟฟิศ ขณะที่พนักงานบางส่วนก็ยินดีทำตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าพนักงานอีกจำนวนไม่น้อยยังคงอยากทำงานแบบ Work From Home ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่ตนเองไม่ได้รู้สึกแย่ แถมยังอาจมีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหานี้องค์กรจำนวนมากคือ การให้พนักงานทำงานแบบ Hybrid หมายถึง มีการสลับกันเข้าออฟฟิศพร้อมกับทำงานที่บ้านในทุกสัปดาห์
เช่น อาจมีการแบ่งทีมเพื่อสลับกันเข้ามาทำงาน อีกส่วนก็ยังคงทำงานอยู่กับบ้าน เปลี่ยนกันทุกสัปดาห์ หรือการทำงานบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งอาจมีการประชุมภายในทีมเพื่อให้พนักงานเลือกวันเข้าออฟฟิศกับวันทำงานที่บ้าน และมีบางวันต้องเข้ามาพร้อมกันเพื่อพูดคุย ประชุม เป็นต้น
ดังนั้นการทำงานในสไตล์นี้ก็เป็นอีกวิธีแก้ปัญหาพนักงานบางส่วนยังไม่ได้อยากเข้าออฟฟิศมากขนาดนั้น แต่ในอีกมุมพนักงานที่รู้สึกว่าตนเองเบื่อกับการทำงานที่บ้านก็มีทางเลือกเพิ่มแรงบันดาลใจได้อีกครั้ง
ปัจจุบันนี้บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากพยายามหาวิธีเพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าทุกคนมีส่วนสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาศักยภาพให้ไปสู่เป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้ ซึ่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการ Work From Home กับสถานการณ์จริงก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ได้ถูกมองข้ามเลย ใครทำงานบริษัทญี่ปุ่นอยู่จะรู้ดีถึงสิ่งที่ผู้บริหารใส่ใจกับพนักงานทุกคน ซึ่งวิธีทำงานแบบ Hybrid จึงเป็นคำตอบที่กำลังมาแรงเหมาะสมมากที่สุด เป็นตรงกลางที่พอเหมาะพอดี ไม่กดดันฝ่ายไหนและไม่ทำให้พนักงานรู้สึกแย่ด้วย