content
สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังทำตอนนี้จัดอยู่ในกลุ่มทำงานหนัก พักผ่อนน้อยหรือไม่ ลองมาไล่เช็กลิสต์ทีละข้อแล้วประเมินตนเองอีกสักครั้ง หากอาการต่อไปนี้เกิดขึ้นบ่อย นั่นอาจเป็นสิ่งที่ร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนกับตัวคุณก็ได้
- อ่อนเพลีย ตื่นแล้วรู้สึกง่วง ไม่สดชื่น
อาการแรกที่แสดงออกได้ชัดเจนมากสุดยิ่งถ้าใครทำงานบริษัทญี่ปุ่นแล้วเจอช่วงเวลาเครียด ๆ เช่น ต้องอยู่ออฟฟิศดึก ทำงานกันแบบโต้รุ่ง สิ่งที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นอาการอ่อนเพลีย รู้สึกไม่สดชื่น ง่วงระหว่างวัน ไม่สดใสและไม่พร้อมสำหรับการทำงานในวันพรุ่งนี้
- สมองเบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออก
จากเดิมที่เคยคิดไอเดียได้ตลอดแต่ตอนนี้กลับรู้สึกสมองล้า ตื้อ คิดวนซ้ำแค่เรื่องเดิม ๆ นี่เป็นอีกสัญญาณเตือนว่าคุณใช้สมองจากการทำงานมากไปบวกกับอาจมีภาวะเครียดไม่รู้ตัว ส่งผลให้สมองแทบไม่ได้หยุดพักแม้นอนหลับก็ตาม จึงอยู่ในกลุ่มพักผ่อนน้อยเช่นกัน
- ทานเยอะผิดปกติ
หลายคนอาจสงสัยว่าทำงานหนัก พักผ่อนน้อย มันเกี่ยวข้องอะไรกับการทานอาหาร คำตอบคือเกี่ยวโดยตรง เพราะเมื่อคุณไม่ค่อยได้หลับสนิทยิ่งสาเหตุมาจากความเครียด ร่างกายจะหลั่งสารคอร์ติซอลซึ่งกระตุ้นให้เครียดมากขึ้น แถมยังอยากทานอาหาร ขนม ของหวานเต็มไปหมด หลายคนจึงมักรู้สึกว่าทำไมช่วงนี้ตนเองทานเยอะผิดปกติ ส่งผลต่อสุขภาพด้านอื่นตามมา เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันหลอดเลือด
- ความต้องการทางเพศลดลง
เมื่อสมองล้า ร่างกายไม่อยากตอบสนองต่อการทำสิ่งต่าง ๆ ยังเท่ากับเป็นการลดทอนความต้องการทางเพศลงด้วย สังเกตง่ายมาก สมมุติสามีของคุณทำงานบริษัทญี่ปุ่นแล้วช่วงไหนเครียดมาก นอนน้อย เขามักไม่ค่อยตอบสนองต่อการทำกิจกรรมรักสักเท่าไหร่นัก ซึ่งการเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยเข้าย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คน ได้เช่นกัน
- ฟุ้งซ่าน ไม่ค่อยมีสมาธิ
อีกอาการที่แสดงออกชัดเจนเมื่อต้องทำงานหนัก ใช้สมองเยอะ แถมยังไม่ค่อยได้พักผ่อน สมองของคุณมักมีอาการคิดฟุ้งซ่านไม่เข้าเรื่อง ขาดสมาธิกับการทำในสิ่งตรงหน้า เช่น ไม่จดจ่ออยู่กับการประชุม ไม่มีสมาธิในการคิดตามขณะพูดคุยกับลูกค้าหรือผู้บริหาร ท้ายที่สุดผลงานก็มักออกมาไม่ค่อยตรงกับความคาดหวังเท่าใดนัก
แก้ปัญหาทำงานหนัก พักผ่อนน้อยด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
จากอาการเริ่มต้นดังกล่าวถ้าคุณยังใช้ชีวิตแบบเดิม ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย คิดและลงมือทำจนสมองล้า อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่คิดทั้งการป่วยโรคภัยต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเครียด และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แสดงอาการหงุดหงิด โมโหบ่อย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าคุณจะทำงานบริษัทญี่ปุ่นหรือองค์กรใดก็ตามลองนำวิธีแก้ดี ๆ ไปปรับใช้กันเลย
- วางแผนการทำงานให้ชัดเจน
ลองเริ่มต้นวางแผนการทำงานของตนเองดูใหม่เพื่อให้เกิด Work Life Balance มากขึ้น แบ่งเวลาทำงาน เวลาส่วนตัว และเวลาพักผ่อนออกจากกันให้ดี จะทำให้คุณรู้สึกว่าการทำงานน้อยลง สมองจึงมีช่วงให้ได้พักผ่อน ไม่ต้องกังวลใจหรือคิดแค่เรื่องงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกรณีคุณทำงานบริษัทญี่ปุ่นแม้วัฒนธรรมองค์กรจะเน้นย้ำเรื่องความขยันและการทำงานเป็นทีม แต่ถ้าร่างกายไม่ไหวก็พักก่อนได้เสมอ
- หลังเลิกงานคือเวลาส่วนตัว
การทำงานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต พึงคิดไว้เสมอว่าหากคุณต้องการมีเวลาส่วนตัวหลังเลิกงานจึงเหมาะสมมากที่สุด บางคนทำงานจนสมองล้ามาทั้งวันยังต้องเครียดกับปัญหาที่ตนเองไม่ได้สร้างแต่ดันรับรู้จากการทำงานหลังเลิกงาน ก็ทำให้นอนหลับยากขึ้นไปอีก เหลือเวลาส่วนตัวไว้ให้ตนเองบ้าง
- เข้านอนให้เป็นเวลา
จัดสรรเวลานอนของตนเองให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงปัญหาทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เพื่อให้ร่างกายรับรู้ว่าตอนนี้คือเวลาแห่งการพักผ่อนของจริง สิ่งที่ตอบสนองกลับมาคือพอถึงเวลาจะเริ่มรู้สึกง่วง พร้อมต่อการพักผ่อน และอยากเข้านอนทันที ที่สำคัญควรกำหนดจำนวนการนอนตั้งแต่ 6 ชม. ขึ้นไป
- งดกิจกรรมกระตุ้นสมองก่อนนอน
เข้าใจดีว่าหลายคนพยายามหาเวลาพักผ่อนของตนเองช่วงหลังเลิกงานและมักทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ออกกำลังกาย ดูซีรี่ย์ อ่านการ์ตูน เล่นเกม ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ต้องมีขอบเขตชัดเจน หากใกล้เวลาเข้านอนต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้วปล่อยให้ร่างกายค่อย ๆ หลับจากความเหนื่อยล้าก็จะทำให้พักผ่อนได้มากขึ้นนั่นเอง
ไม่ว่าคุณจะทำงานบริษัทญี่ปุ่นหรือองค์กรใดก็ตาม อย่าให้วิถีทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เข้ามาทำลายสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อทั้งตนเอง คนรอบข้าง และคนในครอบครัวได้ สมองล้า คิดช้า คิดไม่ออก เจ็บป่วย เงินที่ทำมาก็เท่ากับต้องรักษาตัวและไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างที่คาดหวังสักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ