content
เมื่อถึงยุคสมัยที่การทำงานแบบ Work From Home ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดน้อยลงมาก ส่งผลให้จากเดิมที่บริษัทญี่ปุ่นรวมถึงองค์กรจำนวนมากอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home ก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง บางแห่งลดจำนวนการทำงานที่บ้านน้อยลง สลับกันเข้ามาในออฟฟิศมากขึ้น บางแห่งยกเลิกถาวรแล้วให้พนักงานบริษัทเข้ามาทำงานในออฟฟิศแบบ 100% แม้มีบางองค์กรมองว่าการทำงานที่คุ้นเคยในช่วงหลายปียังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็เริ่มมีให้พนักงานเข้ามาพบปะพูดคุย หรือพยายามหาวิธีให้พนักงานของตนเองเข้ามาออฟฟิศมากขึ้น
สิ่งที่ตามมาคือพนักงานส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีปัญหากับการกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศเหมือนอย่างที่คุ้นเคย แต่สำหรับบางคนพวกเขากำลังมองว่าสิ่งนี้สร้างความลำบากยุ่งยากในชีวิตมากขึ้นทั้งเรื่องการเดินทาง ค่าใช้จ่าย สมดุลของ Work Life Balance ลดลง และอีกมากมาย เรียกง่าย ๆ คือ รู้สึกไม่คุ้นชินกับการต้องเข้าไปทำงานในออฟฟิศเหมือนเดิม จนถึงขั้นขอลาออกกันเลยทีเดียว!
การทำงานแบบ Work From Home ในยุคนี้ยังจำเป็นอยู่ไหม?
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาเกิดข้อสงสัยตามมามากมาย สรุปแล้วการทำงานแบบ Work From Home ยังจำเป็นอยู่หรือไม่?
เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของบริษัทและพนักงานแต่ละคนว่ามีแนวคิดอย่างไร เพราะทั้งการทำงานที่ออฟฟิศกับการทำที่บ้านต่างก็มีข้อดี-ข้อด้อยแตกต่างกันไป แต่ท้ายที่สุดก็คงต้องประเมินจากผลลัพธ์ของงานที่เกิดขึ้นเป็นหลัก บวกกับนโยบาย มุมมองของผู้บริหารที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
บางแห่งหากการทำงานยังมีประสิทธิภาพ ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ การอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านก็ช่วยประหยัดต้นทุนด้านค่าน้ำ ค่าไฟ ขณะที่ตัวพนักงานเองก็ยังมีผลดีในหลายด้าน แต่อีกมุมหนึ่งหากการทำงานที่ออฟฟิศสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่า คุณในฐานะพนักงานคนหนึ่งก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเรื่องนี้เพราะถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ทุกคนต้องเข้าใจได้อยู่แล้ว
หากลองสังเกตคนรอบตัวหรือแม้แต่ตนเองจะพบว่าทั้งคนทำงานบริษัทญี่ปุ่นและองค์กรทุกแห่งเริ่มมีการแบ่งประเภทการทำงานออกชัดเจน บางบริษัทก็ยกเลิกการทำงานที่บ้านแบบ 100% บางแห่งยังคงเหลือไว้บ้างแต่ก็ต้องกลับเข้ามาอยู่ออฟฟิศบ้างเพื่อความสะดวกในการทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือที่เรียกกันว่า Hybrid Working
พนักงานบริษัทปรับตัวยังไงดีเมื่อไม่มี Work From Home
มาถึงสิ่งที่พนักงานบริษัทจำนวนไม่น้อยอาจรู้สึกกังวลใจเล็ก ๆ หากองค์กรของตนเองตัดสินใจยกเลิกระบบ Work From Home (ซึ่งตอนนี้ก็มีบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งยกเลิกไปแล้ว) นั่นคือต้องปรับตัวเองยังไงดีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับงาน ความรู้สึก ไปจนถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ลองใช้คำแนะนำเหล่านี้ได้เลย
- ทำความเข้าใจว่าการทำงานในออฟฟิศคือพื้นฐานทั่วไปที่พนักงานทุกคนต้องยอมรับ
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันของตนเองให้เข้าสู่สภาวะที่เหมาะสม เช่น นอนเร็วขึ้นเพื่อจะได้ตื่นเช้าเข้างานทันเวลา
- วางแผนค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ให้รอบคอบมากขึ้นเมื่อการใช้เงินจะเยอะกว่าตอนอยู่บ้าน เช่น คำนวณเงินคร่าว ๆ ที่ต้องจ่ายแต่ละวัน การมองหาวิธีที่จะทำให้ค่าเดินทางไปทำงานประหยัดมากขึ้น เป็นต้น
- ยอมรับและปรับตัวกับการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นภายในจิตใจจนคุณภาพของงานลดลง
- สร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นเพื่อให้รู้สึกว่าการกลับเข้ามาออฟฟิศมีสิ่งดี ๆ เสมือนเป็นเป้าหมายให้อยากมาทำงานทุกวัน
ขณะที่องค์กรต่าง ๆ เองก็ต้องมีการปรับรูปแบบ บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมการทำงานให้ตอบโจทย์กับพนักงานบริษัทของตนเองมากที่สุด เช่น การมีสวัสดิการด้านเครื่องดื่ม มีพื้นที่พักผ่อน ความยืดหยุ่นด้านการเข้างานในช่วงแรก เป็นต้น เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับสิ่งดีที่สุด
แค่การยกเลิก Work From Home ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องลาออก
มีงานวิจัยบางแห่งระบุถึงกลุ่มพนักงานบริษัท Gen Z มักมองว่าพวกเขาเองมีความคุ้นชินกับการทำงานแบบ Work From Home ดังนั้นหากต้องกลับเข้ามาอยู่ในออฟฟิศแบบ 100% ก็จะตัดสินใจลาออกแล้วหางานใหม่ดีกว่า?
ต้องบอกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักของการจะตัดสินใจลากออกเพียงเพราะไม่ได้ทำงานกับบ้านเหมือนเดิม แต่ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ ไม่ใช่แค่องค์กรที่คุณทำงานอยู่เท่านั้น แต่บริษัทญี่ปุ่นและองค์กรอีกจำนวนไม่น้อยก็เริ่มใช้วิธีนี้เพื่อความสะดวกต่อการทำงานของทุกฝ่าย
จึงขอเน้นย้ำเสมือนเป็นสื่อกลางให้ทุกคนทำความเข้าใจโลกแห่งการทำงานที่กำลังเกิดขึ้นมากขึ้นกว่าเดิม แม้รูปแบบ Work From Home จะมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับสถานการณ์ก่อนหน้ายุคที่โรคระบาดมีความอันตราย แต่เมื่อทุกอย่างมีสัญญาเปลี่ยน หน้าที่ของพนักงานบริษัททุกคนย่อมหนีไม่พ้นทำงานตามความรับผิดชอบทั้งกับบริษัทญี่ปุ่นหรืออื่น ๆ เพื่อการเติบโตของตนเองและผลลัพธ์ที่ดีของงานนั่นเอง